วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วันที่ 24 มิถุนายน 2556

      อาจารย์จินตนา สุขสำราญ ได้ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มกลุ่มล่ะ 6คน
      และอาจารย์ได้ให้นักศึกษาได้ศึกษาใน VCD เรื่อง สนุกกับ อากาศมหัศจรรย์

 

      อากาศสามารถอยู่ได้ทุกที่มีตัวตนแต่มองไม่เห็น ถึงอากาศจะไม่มีรูปร่างแต่ก็มีน้ำหนัก อากาศตะเบาหรือหนักขึ้นอยู่กับว่าเป็นอากาศร้านหรืออากาศเย็น เช่น การทดลองนำลูกโป่งทั้ง 2 ลูกมาแขวนบนเครื่องชั่งทั้งสองด้าน ลองนำเทียนที่จุดไฟมาไว้ใต้ลูกโป่งใบหนึ่ง ปรากฏว่าลุกโป่งที่โดนความร้อนจากเทียนลอยสูงขึ้นกว่าลูกโป่งอีกใบหนึ่ง แสดงว่า อากาศร้อนจะมีน้ำหนักที่เบากว่า และจะลอยสูงกว่าอากาศเย็น ซึ่งหลักการนี้สามารถนำมาใช้ำด้กับการปล่อยบอลลูน และเป็นการปรับสมดุลที่ทำให้เกิดลม

      การเกิดลม


 
 
แรงดันอากาศ 
 

       แรงดันอากาศ หมายถึง แรงที่อากาศลอยไปกระทบโดนวัตุอีกวัตถุหนึ่ง จนทำให้เกิดแรงดันของอากาศดันวัตถุทึี่มีน้ำหนักไม่มากนักสามารถลอยขึ้นได้

       การทดลองแรงดันอากาศ

           นำกรดาษมา 2แผ่น กระดาษแผ่นหนึ่งให้ขยำาจนเป็นลูกลมๆ ส่วนอีกแผ่นไม่ต้องขยำ แต่ทั้งสองแผ่นต้องมีขนาดที่เท่ากัน ทิ้งกระดาษทั้ง 2 แผ่น ตกลงสู่พื้น จะพบว่า กระดาษที่มีลักษณะกลมจะตกลงสู่พื้นเร็วกว่ากระดาษที่มีลักษณะแบน เพราะ กระดาษที่มีลักษณะแบนจะมีแรงต้านอากาศมากกว่ากระดาษที่มีลักษณะกลม

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

       วันนี้มีการเรียนการสอน และ อาจารย์ได้สั่งงานให้นักศึกษาทำบล็อกวิชา การจัดประสบการณ์ทาง
วิทยาศตร์สำหรับเด็กปฐมวัย


ความรู้เพิ่มเติม

       ข้าพเจ้าจึงไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
       วิทยาศาสตร์ (Science) มาจากภาษาลาตินว่า Scientia” แปลว่า “ความรู้ทั่วไป” ซึ่งเป็นความหมายที่กว้างมากที่ใช้ในอดีต (สุนันท์ บุราณรมย์ และคณะ, 2542 : 2-3) เนื่องจากในอดีตยังไม่มีการค้นพบความรู้มากมายเหมือนในปัจจุบัน  ดังนั้น วิทยาศาสตร์จึงมีความหมายในลักษณะที่ครอบคลุมความรู้ทั้งหมดของมนุษย์  ต่อมาเมื่อมนุษย์มีการค้นพบความรู้มากขึ้นและได้พิสูจน์ความรู้ต่างๆ   สิ่งใดเป็นจริงจะได้รับการยอมรับ ส่วนสิ่งใดไม่จริงก็จะถูกปฏิเสธ  ทำให้ความหมายของคำว่าวิทยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งความหมายของคำว่า วิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันมีผู้ให้ความหมายไว้หลายท่าน เช่น ภพ เลาหไพบูลย์ (2540: 2)  ได้สรุปความหมายของวิทยาศาสตร์ว่า “วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่สืบค้นหาความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
           
สุนันท์ บุราณรมย์ และคณะ (2542 : 2-3) ได้ให้ความหมายไว้ว่า วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้ที่แสดงหรือพิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง เป็นความจริง ซึ่งความรู้ดังกล่าวได้มาจากการศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือจากการทดลอง โดยเริ่มต้นจากการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลองอย่างมีแบบแผน แล้วจึงสรุปเป็นทฤษฏีหรือกฎขึ้น แล้วนำแล้วนำทฤษฏีหรือกฎที่ได้ไปใช้ศึกษาหาความรู้ต่อไปเรื่อยๆ
             พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542 : 1075) ได้ให้ความหมายว่า“วิทยาศาสตร์  คือ ความรู้ที่ได้โดยการสังเกต และค้นคว้าจากปรากฏการณ์ธรรมชาติแล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ, วิชาที่ค้นคว้าได้หลักฐานและเหตุผลแล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ”
             โดยสรุป วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้ที่ได้มาจากการศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งสามารถแสดงหรือพิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง และเป็นความจริง โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ แล้วจัดความรู้นั้นเข้าเป็นระเบียบ เป็นหมวดหมู่